ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับ “บอลโลก” ( Shotongoal.com/category/บอลโลก
1. อภิมหาวิหารเซนต์ไอแซค
อภิมหาวิหารเซนต์ไอแซค หรืออาสนวิหารนักบุญไอแซค เป็นอาสนวิหารของศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย ตั้งอยู่ในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของประเทศรัสเซีย อาสนวิหารนักบุญไอแซคเป็นอาสนวิหารออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นอาสนวิหารคริสต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ตั้งชื่อตามนักบุญไอแซคแห่งดัลเมเชีย ผู้เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช ซึ่งทรงเสด็จพระราชสมภพตรงกับวันสมโภชฉลองนักบุญไอแซค
อาสนวิหารนี้ใช้เวลาสร้างถึง 4 ทศวรรษตั้งแต่ปี 1818 ถึง 1858 ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูคลาสสิก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส โอกุสต์ เดอ มงแฟร์ร็อง ผู้ซึ่งร่ำเรียนมาจากหอศิลป์ของ ชาร์ล แปร์ซิเยร์ นักออกแบบคนโปรดของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส
2. วิหารปีเตอร์แอนด์ปอลด์ (PETER and PAUL FORTRESS)
ป้อมปีเตอร์ แอนด์ ปอลด์(Peter And Paul) หรืออนุสรณ์ชัยชนะสงครามเหนือสวีเดน เป็นสิ่งก่อสร้างแรกสุดของเมือง St Petersburg ประเทศรัสเซีย สร้างในปีค.ศ 1703 ศิลปะแบบบารอกเพื่อใช้เป็นป้อมปราการในการป้องกันข้าศึกรุกราน ตั้งอยู่บน เกาะวาซิลเยฟสกี้ (Vasilievsky Island) ลักษณะเป็นรูปทรงหกเหลี่ยม กำแพงเป็นหินก่ออิฐ
วิหารปีเตอร์ แอนด์ ปอลด์ (Peter-and-Paul-Fortress) เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ 1712 ด้วยการ ออกแบบโดย Domennica Trezzini สร้างเสร็จในวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ 1733 ตั้งชื่อวิหารแห่งนี้เพื่อเป็นเกียรติ์แด่ นักบุญปีเตอร์ และนักบุญปอลด์เพื่อเป็นการเผยแพร่ศาสนา ความสูงของยอดแหลมคือ 122.5 เมตร ในอดีตเป็นสิ่ง ก่อสร้างที่สูงที่สุดของเมืองและห้ามสร้างสิ่งก่อสร้างใดสูงกว่า ภายในทำการตกแต่งด้วยศิลปะบารอกซึ่งนับว่าแตกต่าง กับโบสถ์คริสต์ออร์โทดอกซ์ทั่วไป
ซึ่งวิหารแห่งนี้เป็นที่เก็บพระศพของราชวงศ์โรมานอฟ เริ่มต้นจากพระเจ้าปีเตอร์มหาราชเป็นองค์แรก จนกระทั่งถึงกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ที่เพิ่งนำมาในปีค.ศ 1998 โดยการตรวจ DNA ทราบว่าคือ พระเจ้านิโคลัส ที่ 2 และครอบครัวซึ่งประกอบด้วย พระเจ้านิโคลัสที่ 2 พระมเหสีอเล็กซานดรา และพระธิดา 3 พระองค์คือโอลก้า (Olga) ทาเทียนา (Tatiana) และอนาสตาเซีย (Anastasia) ส่วนที่ไม่พบคือ มาเรีย (Maria) และรัชทายาทอเล็กเซย์ (Alekxy)
3. พระราชวังฤดูหนาว
เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของประเทศรัสเซีย อดีตเคยเป็นพระราชวังหลวงของราชวงศ์โรมานอฟระหว่างปี ค.ศ. 1732 ถึง 1917 ตั้งอยู่ระหว่างท่าวัง (Palace Quay) กับจัตุรัสพระราชวัง (Palace square) พระราชวังฤดูหนาวในปัจจุบันเป็นองค์ที่สี่ ซึ่งก่อสร้างและดัดแปลงมาเรื่อยๆระหว่างปลายทศวรรษที่ 1730 ถึงปี 1837 แทนองค์ที่สามที่ถูกเพลิงไหม้อย่างหนัก นอกจากนี้ พระราชวังยังเคยถูกจู่โจมในปี 1917 ซึ่งอยู่ในช่วงการปฏิวัติรัสเซียอีกด้วย
พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างให้มีขนาดใหญ่มากเพื่อแสดงถึงอำนาจและความรุ่งโรจน์ของซาร์แห่งจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งทรงปกครองดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล 22,400,000 ตารางกิโลเมตร (1ใน 6 ของแผ่นดินโลก) และไพร่ฟ้ากว่า 125 ล้านคนจากพระราชวังแห่งนี้ พระราชวังถูกออกแบบโดยสถาปนิกหลายคน ซึ่งคนที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ บาร์โทโลมีโอ รัสเทรลลี
ภายนอกของพระราชวังใช้โทนสีเขียว–ขาวด้วยสถาปัตยกรรมบาโรก ตัวอาคารมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงราว 30 เมตร ด้านหน้าของพระราชวังมีความยาว 250 เมตร ตัวอาคารประกอบด้วยห้องกว่า 1500 ห้อง, ประตู 1786 บาน, หน้าต่าง 1945 บาน, ขั้นบันได 117 ขั้น
ปัจจุบัน บางส่วนของพระราชวังฤดูหนาวได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมในฐานะพิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช
4. มหาวิหารเซนต์บาซิล (Saint Basil’s Cathedral)
มหาวิหารเซนต์บาซิล (Saint Basil’s Cathedral) มหาวิหารเซนต์บาซิลมีรูปทรงที่ไม่เหมือนโบสถ์อื่น คือมีโดม 8 โดมล้อมรอบโดมที่ 9 ที่อยู่ตรงกลาง ทำให้อาคารมีรูปทรงแปดเหลี่ยม ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียโบราณอันได้รับอิทธิพลมาจากไบแซนไทน์ที่เป็นโดมทรงหัวหอมกับสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ารัสเซียนกอธิก หอคอยสูงรูปกระโจมเป็นอิทธิพลจากยุโรปตะวันตก ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงกลายเป็นหอคอยสูงรูปแท่งเทียนกำลังลุกไหม้บนปลายลำเทียน ส่งความโชติช่วงชัชวาลย์เป็นเครื่องบูชาเทพเจ้าบนสวรรค์
มหาวิหารนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) และด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมจึงทำให้มีเรื่องเล่าสืบต่อกันว่า ซาร์อีวานที่ 4 ทรงพอพระทัยในความงดงามของมหาวิหารแห่งนี้มาก จึงมีคำสั่งให้ปูนบำเหน็จแก่สถาปนิกผู้ออกแบบด้วยการควักดวงตาทั้งสอง เพื่อไม่ให้สถาปนิกผู้นั้นสามารถสร้างสิ่งที่สวยงามกว่านี้ได้อีก การกระทำในครั้งนั้นของพระเจ้าอีวานที่ 4 จึงเป็นที่มาของสมญานามอีวานผู้โหดร้าย (Ivan The Terrible)[1] บริเวณใกล้กันกับมหาวิหารเซนต์เบซิลขนาบข้างด้วยกำแพงเครมลิน เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานเลนินหรือสุสานเลนิน ซึ่งเก็บรักษาร่างของวลาดีมีร์ เลนิน ผู้นำคนสำคัญของคอมมิวนิสต์ และเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปเคารพศพได้
5. จัตุรัสแดง (red square)
จัตุรัสแดง เป็นจัตุรัสกลางเมืองของของกรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย จัตุรัสแดงมีขนาดกว้าง 70 เมตร ยาว 695 เมตร มีขนาดพื้นที่รวม 23,100 ตารางเมตร จัตุรัสแดงอาจถือได้ว่าเป็นจัตุรัสกลางกรุงมอสโกและทั้งประเทศรัสเซียเพราะถนนสายสำคัญทุกสายของกรุงมอสโกจะวิ่งตรงออกจากจัตุรัสแดงแห่งนี้ นอกจากนี้ จัตุรัสแดงยังเป็นสถานที่ตั้งของมหาวิหารเซนต์เบซิล และสุสานวลาดิมีร์ เลนินอีกด้วย ชื่อจัตุรัสแดงมักเข้าใจผิดว่า คำว่า “แดง” ในชื่อจัตุรัส มาจากสีของคอมมิวนิสต์ หรือสีของอิฐในบริเวณนั้นที่เป็นสีแดง แต่แท้จริงแล้วชื่อจัตุรัสแดง มาจากภาษารัสเซียคำว่า красный (krásnyj) ซึ่งในภาษารัสเซียดั้งเดิมมีความหมายว่า สวยงาม ในขณะที่ภาษารัสเซียสมัยใหม่ แปลว่าสีแดง
6. พระราชวังเครมลิน
พระราชวังเครมลิน ก่อสร้างระหว่าง ค.ศ. 1837 ถึง 1849 ตั้งอยู่ที่เครมลินแห่งมอสโก, กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของแกรนด์ปรินซ์ ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 บนเนินโบโรวิตสกี ออกแบบโดยทีมสถาปนิกภายใต้การบริหารจัดการของคอนสแตนติน ธอน พระราชวังเครมลินมีเจตนาที่จะตอกย้ำถึงความยิ่งใหญ่ของระบอบอัตตาธิปไตยรัสเซีย คอนสแตนติน ธอนยังเป็นสถาปนิกของเครมลินอาร์มรี และมหาวิหารพระคริสต์ผู้ไถ่
พระราชวังเครมลินเดิมเคยเป็นพระตำนักของซาร์ในมอสโก การก่อสร้างพระราชวังรวมไปถึงขั้นตอนการระเบิดอดีตพระราชวังสถาปัตยกรรมบาโรกในบริเวณดังกล่าว ซึ่งออกแบบโดยรัสเตรลลี และคริสตจักรนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ ซึ่งก่อสร้างขึ้นตามโครงการของอโลอีซิโอเดอะนิวแทนที่โบสถ์แห่งแรกที่สร้างขึ้นในมอสโก
7. โบสถ์อัสสัมชัญ
โบสถ์อัสสัมชัญ (Assumption Cathedral) โบสถ์หลังนี้มีความสำคัญต่อรัสเซียก็เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สำหรับการจัดพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ทุกพระองค์ ซึ่งแม้ในรัชสมัยของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชจะทรงย้ายเมืองหลวงจากมอสโกไปยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแล้ว แต่เมื่อถึงวาระแห่งพิธีราชาภิเษก กษัตริย์พระองค์ถัดไปที่ขึ้นครองราชย์ก็ยังต้องกลับมาทำพิธีที่โบสถ์แห่งนี้
8. มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์
ที่ยิ่งใหญ่อลังการ มาเที่ยวรัสเซียทั้งทีต้องไปเยี่ยมชมวิหารโคมทองที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ และแสดงความกตัญญูแด่พระเป็นเจ้าที่ทรงช่วยปกป้องรัสเซียให้รอดพ้นจากสงครามนโปเลียน โดยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 45 ปี ภายในโบสถ์มีการตกแต่งที่ไม่เหมือนโบสถ์อื่นในรัสเซีย คือตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกซึ่งออกแบบโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น แต่ต่อมา สตาลิน ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในขณะนั้นได้สั่งให้ทุบโบสถ์ทิ้งเพื่อดัดแปลงเป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนกระทั่งประธานาธิบดี บอริส เยลซินได้อนุมัติให้มีการก่อสร้างวิหารขึ้นมาใหม่ด้วยเงินบริจาคของคนทั้งประเทศ ซึ่งจำลองของเดิมได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ วิหารนี้จึงกลับมายืนหยัดที่เดิมอีกครั้ง ปัจจุบันใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญระดับชาติของรัสเซีย
9. ระฆังพระเจ้าซาร์
ระฆังยักษ์หรือระฆังพระเจ้าซาร์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหอระฆัง Ivan the Great ระฆังนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1735 เพื่อจักรพรรดินี Anna Ivanovna ระฆังนี้สูง 6 เมตรและมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 เมตร เช่นเดียวกับปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ ระฆังพระเจ้าซาร์ถือว่าเป็นหนึ่งในระฆังที่ใหญ่ที่สุดเช่นกัน ระฆังนี้มีชิ้นส่วนหลุดหายไปเนื่องจากถูกน้ำเย็นหกใส่หลังจากเผาไฟ ทำให้มีชิ้นส่วนแตกหักและหลุดออก ในปี 1836 จึงได้มีการนำระฆังมาจัดแสดงพร้อมกับชิ้นส่วนที่หลุดไป
เป็นไงกันบ้างละครับ ประเทศรัสเซียเจ้าบ้าน ฟุตบอลโลก 2018 ( shotongoal.com/category/ที
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ ภาพสวยๆ จากเว็บไซต์
- expedia.co.th - wikipedia.org - edcbooking.com